หากพูดถึงฟุตบอลพรีเมียร์ลีก Breaker เชื่อว่าแฟนๆ หลายคนย่อมรู้จักกับ ‘นักเตะหมายเลข 7’ เป็นทั้งตำนานและ Iconic ของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างแน่นอน
เปิดตำนานนักเตะหมายเลข 7 จากสโมสรปีศาจแดงแมนยูฯ
“หมายเลข 7” เป็นตัวเลขที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะกับ ‘ทีมปีศาจแดงหรือ ‘สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United)’ ที่เรียกได้ว่าเป็นสโมสรเด็ดในดวงใจของทุกคนมาอย่างยาวนาน โดยที่ปีศาจแดงทีมนี้มักจะมีนักเตะหมายเลข 7 ที่เป็นทั้งนักเตะตำแหน่งสำคัญ และยังเป็น Iconic ของการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็ว่าได้
เพราะหมายเลข 7 ไม่ใช่แค่นักค้าแข้งธรรมดา แต่หมายเลข 7 จากสโมสรปีศาจแดงแมนยูฯ ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เป็นตำนานที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังประทับใจและอยู่ในความทรงจำของแฟนคลับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอยู่เสมอ วันนี้ Breaker จะขอพาทุกคนไปเปิดตำนานนักเตะหมายเลข 7 จากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นมากกว่าหมายเลขธรรมดาบนเสื้อนักเตะคนหนึ่ง จะมีใครที่น่าสนใจกันบ้างไปดูกันเลย
จอร์จ เบสต์ (George Best)
ตำแหน่ง : ปีก, กองกลางตัวรุก
ระยะเวลา : 1963–1974
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘จอร์จ เบสต์ (George Best)’ นักเตะยุคแรกของทีมปีศาจแดงจะเป็น 1 ในนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่สโมสรเคยมี เพราะจอร์จนั้นเป็นนักเตะชาวไอร์แลนด์เหนือที่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 2 สมัย และจอร์จยังสามารถพาทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 1968 อีกได้ 1 สมัย ด้วยผลงานที่โดดเด่นนี้จึงทำให้เขาสามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้ในปีเดียวกัน ด้วยเหตุนี้เองจอร์จจึงเรียกได้ว่าเป็น ‘ตำนานหมายเลข 7 คนแรก’ ที่มีความหมายและสร้างตำนาน Lucky Number ให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นเอง
ไบรอัน ร็อบสัน (Bryan Robson)
ตำแหน่ง : กองกลาง
ระยะเวลา : 1981–1994
เมื่อถึงเวลาแห่งนักเตะหมายเลข 7 คนต่อไปอย่าง ‘ไบรอัน ร็อบสัน (Bryan Robson)’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนักเตะในตำนานที่ ‘เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Sir Alex Ferguson)’ ผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยอมรับว่าเขาคือ ‘กัปตันที่ดีที่สุดสมัยที่เขาได้คุมทีมเลยทีเดียว’ โดยไบรอันคือคนที่ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกสมัยแรกของสโมสรในปี 1993 และยังทำประตูได้มากถึง 99 ประตู จาก 461 นัด เลยทีเดียว
เอริก คันโตนา (Eric Cantona)
ตำแหน่ง : กองกลาง
ระยะเวลา : 1993–1997
หลังจากการประกาศกฎใหม่ว่าด้วยเรื่องของหมายเลขเสื้อในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 1993-94 ทำให้ ‘เอริก คันโตนา (Eric Cantona)’ กลายเป็น ‘นักเตะคนแรกที่ได้รับหมายเลข 7 อย่างเป็นทางการ’ ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเอริกนี้เป็นกองกลางที่เรียกได้ว่ามีลีลาจี๊ดจ๊าดทั้งในสนามและนอกสนาม จนเกินตำนานกังฟูคิกอันเลื่องชื่อจนปัจจุบัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่า เอริก คันโตนานี้เป็นอีกหนึ่งนักค้าแข้งระดับตำนานที่ได้ประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพนั่นเอง
เดวิด เบ็คแฮม (David Beckham)
ตำแหน่ง : กองกลาง
ระยะเวลา : 1997–2003
สำหรับวงการพรีเมียร์ลีกแล้ว ‘เดวิด เบ็คแฮม (David Beckham)’ นักเตะหมายเลข 7 ที่รับช่วงต่อจากเอริก คันโตนาที่วางมือไป นอกจากจะเป็นนักเตะดาวรุ่งจาก Class of 92s แล้ว เขายังสร้างมาตรฐานของนักเตะให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก โดยเทพบุตรนักเตะคนนี้ลงสนามให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเกือบ 400 นัด และเป็น 1 ในชุดผู้เล่นทริปเปิลแชมป์เมื่อฤดูกาล 1988-99 ด้วยความสำเร็จมากมาย บวกกับหน้าตาที่หล่อเหลาจึงทำให้เเบ็คแฮมกลายเป็น Iconic ชื่อดังในยุค 2000s ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนเลยทีเดียว
คริสเตียโน โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo)
ตำแหน่ง : กองหน้า
ระยะเวลา : 2003-2009 และ 2021-2023
เมื่อพูดถึงตำนานนักเตะหมายเลข 7 แล้วไม่พูดถึง ‘คริสเตียโน โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo)’ ถือว่าผิด! โดยโรนัลโด้เข้ารับตำแหน่งนักเตะหมายเลข 7 ต่อจากเบ็คแฮมที่แยกทางกับสโมสรไปก็ได้รับเสียงวิจารณ์ว่าเขายังไม่เหมาะกับหมายเลขในตำนานนี้ แต่กาลเวลาก็ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นนักเตะที่พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาจนกลายเป็น ‘หนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก’ และ ‘นักฟุตบอลชาวโปรตุเกสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล’ ซึ่งโรนัลโด้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยและแชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย ตลอด 6 ปีที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ดก่อนจะแยกย้ายจากสโมสรไปในที่สุดนั่นเอง
ไมเคิล โอเว่น (Michael Owen)
ตำแหน่ง : กองหน้า
ระยะเวลา : 2009-2012
เรียกได้ว่าบาดเลือดแค้นของแฟนหงส์ของจริง! เมื่อ ‘ไมเคิล โอเว่น’ กำลังสำคัญของสโมสรคู่ปรับสำคัญอย่างลิเวอร์พูลเลือกย้ายทีมมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มิหน้ำซ้ำเขายังเลือกหมายเลข 7 ในตำนานมาสวมใส่อีกด้วย! ซึ่งโอเว่นเองก็เป็นนักเตะที่มีลีลาโดดเด่น มีความว่องไว ยิงประตูได้คมกริบ อีกทั้งยังมีหน้าตาดีจนได้รับฉายาว่า ‘ไอ้หนูมหัศจรรย์ (Baby Goal)’ อีกด้วย ถึงช่วงเวลาโอเว่นอยู่ในสโมสรจะไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ Breaker เชื่อว่าประตูที่เขายิงจากนัดแมนเชสเตอร์ดาร์บี้แมทซ์จะประทับใจแฟนบอลในเวลานั้นอย่างแน่นอน
อันโตนิโอ วาเลนเซีย (Antonio Valencia)
ตำแหน่ง : แบ็กขวาและปีกขวา
ระยะเวลา : 2012-2013
จากนักเตะดาวรุ่งเบอร์ 25 สู่นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่รับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนยูในฤดูกาล 2011-12 สู่เจ้าของเสื้อหมายเลข 7 ต่อจากไมเคิล โอเว่น แต่หลังจาก ‘อันโตนิโอ วาเลนเซีย (Antonio Valencia)’ ได้รับหมายเลขในตำนานนี้ก็ไม่เหมือนฟอร์มการเล่นของเขาก็ไม่ได้ดีเท่ากับตอนสวมหมายเลข 25 จึงทำให้ฤดูกาลต่อมาเขาจึงกลับไปสวมเลขเดิม แต่ก็ไม่ช่วยฟอร์มของเขาดีขึ้นได้อีกแล้ว
อังเคล ดิ มาเรีย (Angel Di María)
ตำแหน่ง : ปีกและกองกลางตัวรุก
ระยะเวลา : 2014-2015
หลังจากสมัยของอันโตนิโอ วาเลนเซียจบลงไป ทางสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ซื้อตัวนักเตะคนใหม่อย่าง ‘อังเคล ดิ มาเรีย (Angel Di María)’ ด้วยค่าตัวที่สูงเป็นประวัติการณ์ของการแข่งขันพรีเมียร์ลีก โดยที่ช่วงแรก ดิ มาเรีย สามารถสร้างผลงานได้ดีตามที่แฟนคลับปีศาจแดงคาดหวังไว้ แต่การมีปัญหากับ ‘หลุยส์ ฟาน กัล’ ทำให้เขาอยู่กับแมนยูฯ ได้เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น ก่อนจะโบกมือลาจากทีมไป
เมมฟิส เดปาย (Memphis Depay)
ตำแหน่ง : กองหน้า
ระยะเวลา : 2015-2017
สำหรับ ‘เมมฟิส เดปาย (Memphis Depay)’ นักเตะคนสำคัญคนใหม่ผู้สวมใส่เสื้อในตำนานหมายเลข 7 คนใหม่ที่ย้ายมาอยู่กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฐานะคนสำคัญของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และอนาคตของทีมชาติเนเธอแลนด์ แต่สำหรับแฟนๆ ปีศาจแดงแล้วเมมฟิสก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มากเท่าที่แฟนๆ คาดหวังได้ จึงทำให้เขากลายเป็น 1 ในดีลที่ล้มเหลวของสโมสรเลยทีเดียว
อเล็กซิส ซานเชซ (Alexis Sánchez)
ตำแหน่ง : กองหน้า
ระยะเวลา : 2018-2020
การเดินทางของ ‘เจ้าหนูมหัศจรรย์’ จากการอันดับของนิตยสารเวิลด์ซอกเกอร์ จากนักเตะดาวรุ่งของทีมปืนใหญ่อาร์เซนอล สู่ ‘อเล็กซิส ซานเชซ (Alexis Sánchez)’ นักเตะแข้งทอง ผู้สวมตำนานเสื้อหมายเลข 7 คนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับค่าเหนื่อยที่สมศักดิ์ศรีกว่า 400,000 ปอนด์/สัปดาห์ แต่อเล็กซิสก็ไม่สามารถเข้ากันกับทีมและทำผลงานได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จนลาจากกันในที่สุด
เอดินสัน คาวานี (Edinson Cavani)
ตำแหน่ง : กองหน้า
ระยะเวลา : 2020-2021
ถึงแมนยูจะไม่ประสบความสำเร็จกับซื้อตัวนักเตะในหลายปีที่ผ่านมา แต่การมาถึงของ ‘เอดินสัน คาวานี (Edinson Cavani)’ แบบไร้ค่าตัวในช่วงซัมเมอร์ 2020 ก็สามารถสร้างผลงานและแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเขาให้แฟนคลับปีศาจแดงเห็น จนเขากลายเป็นที่รักของแฟนคลับในที่สุด แต่ด้วยวัย 30 กลางๆ ของคาวานีกลับทำให้เขาอยู่กับทีมได้เพียง 2 ฤดูกาล ก็ต้องลาจากกันไป และในขณะนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ดาวค้างฟ้าอย่าง ‘คริสเตียโน โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo)’ กลับมาร่วมทีมอีกครั้งนั่นเอง
เมสัน เมาท์ (Mason Mount)
ตำแหน่ง : กองกลางตัวรุก และ กองกลางตัวกลาง
ระยะเวลา : 2023
หลังจากทางสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศยกเลิกสัญญากับ ‘คริสเตียโน โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo)’ ไปจึงทำให้ตำแหน่งของเสื้อในตำนานอย่างหมายเลข 7 ว่างลง จนในที่สุด ‘เมสัน เมาท์ (Mason Mount)’ นักเตะดาวรุ่งป้ายแดงที่ย้ายมาจากสโมสรสิงโตน้ำเงินครามเชลซี สู่การเป็นนักเตะในตำนานคนใหม่ของปีศาจแดง ซึ่งฟอร์มของเมาท์จะเป็นอย่างไร Breaker ก็ต้องบอกเลยว่าต้องติดตามในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก 2023-24 นี้แหละ!