5 การตัดสินใจเขย่าวงการโลกฟุตบอลของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ

ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด มักจะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่น่าตื่นเต้นและขัดแย้งในส่วนที่เท่าเทียมกันเสมอ ผลงานล่าสุดของเขาคือการประกาศจัดตั้งการแข่งขันยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ซึ่งสร้างความปั่นป่วนอย่างมาก

การตัดสินใจครั้งใหญ่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ เปเรซ ท้ายที่สุดแล้วการดูแลสโมสรที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปไม่ใช่เรื่องง่าย เปเรซ ทำสิ่งที่คิดไม่ถึงหลายครั้งและในขณะที่บางคนให้การต้อนรับค่อนข้างดี แต่บางคนก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน ในลิสต์เรามาดู 5 ครั้งที่ เปเรซ เขย่าโลกด้วยการตัดสินใจของเขากัน!

1. เซ็นสัญญา หลุยส์ ฟิโก้ มาจาก บาร์เซโลน่า

ในบรรดาผู้เล่นทุกคนที่ย้ายสลับขั้วกันจาก บาร์เซโลน่า มายัง เรอัล มาดริด ดูเหมือนว่า หลุยส์ ฟิโก้ เป็นดีลที่แฟนบอลบาร์ซ่าไม่สามารถให้อภัยได้ที่สุด มันเป็นแผนการหลักของ เปเรซ และมันก็ออกมาสมบูรณ์แบบ

ฟิโก้ เป็นคนสำคัญของ บาร์เซโลน่า ในเวลานั้นและช่วยให้พวกเขาแชมป์มากมายและยังย้อมผมเป็นสีแดงเพื่อแสดงความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อสโมสรอีกด้วย เมื่อ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ลงชิงตำแหน่งประธานสโมสรในปี 2000 แน่นอนว่าเขาต้องเผยโปรเจ็กตที่น่าสนใจเพื่อเรียกเสียงคะแนน

เขาสัญญากับ มาดริด ว่าเขาจะเซ็นสัญญากับ ฟิโก้ ก่อนการเลือกตั้ง เปเรซ ติดต่อเอเยนต์ของ ฟิโก้ และยื่นข้อเสนอที่จะจ่ายเงิน 1.6 ล้านยูโรให้พวกเขาเพื่อเซ็นเอกสารซึ่งระบุว่าหาก เปเรซ ชนะการเลือกตั้ง ฟิโก้ จะเข้าร่วมทีม มาดริด

แต่ในเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากการที่ เปเรซ ขึ้นเป็นประธานสโมสร ฟิโก้ จะต้องจ่ายเงิน 35 ล้านยูโรเพื่อยกเลิกสัญญา เนื่องจาก เปเรซ ไม่ใช่ตัวเต็งที่จะชนะการเลือกตั้งในเวลานั้น พวกเขาจึงลงนามในข้อตกลงและได้รับเงินไป แต่อย่างไรก็ตาม เปเรซ ชนะการเลือกตั้งและ ฟิโก้ ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเข้าร่วมทีม มาดริด

2. ไม่ต่อสัญญากับ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ 

บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเป็นผู้จัดการทีม เรอัล มาดริด ตั้งแต่ปี 1999-2003 เขาคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และ ลาลีกา 2 สมัย จนดูเหมือนว่าเขาจะได้ต่อสัญญาฉบับใหม่

อย่างไรก็ตาม เปเรซ ไม่ใช่แฟนตัวยงของ เดล บอสเก้ เขาจึงเสนอโอกาสให้ เดล บอสเก้ อยู่ที่ เรอัล มาดริด ต่อในฐานะผู้อำนวยการด้านเทคนิคของสโมสร แต่ เดล บอสเก้ มองว่ามันเป็นดีลที่ดูถูกจึงตอบปฏิเสธทันที

การตัดสินใจปล่อย เดล บอสเก้ ถูกประณามจากห้องแต่งตัวของ เรอัล มาดริด นำโดย เฟร์นานโด เอียร์โร่, สตีฟ แม็คมานามาน และ เฟร์นานโด มอริเอนเตส แต่ผู้เล่นทั้งสามคนก็ถูกปล่อยออกจากสโมสรหลังจากนั้น นั่นเป็นวิธีที่ เปเรซ จัดการกับพวกเขาที่ไม่เห็นด้วยกับเขา

3. ขาย โคล้ด มาเกเลเล่

เปเรซ เป็นคนที่นำแนวคิดของ กาแลกติกอส มาสู่ เรอัล มาดริด ทุกซัมเมอร์พวกเขาจะเซ็นสัญญากับนักเตะบิ๊กเนมหลายราย และจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของยุคนั้นเกิดขึ้นจากการที่ โคล้ด มาเกเล่ ย้ายไป เชลซี

มาเกเลเล่ กองกลางตัวรับชาวฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของ เรอัล มาดริด ในเวลานั้น แต่ เปเรซ ปฏิเสธที่จะขยายสัญญากับเขาในปี 2003 แม้ผู้เล่นอย่าง ราอูล, ซีเนอดีน ซีดาน และ เฟร์นานโด มอริเอนเตส จะส่งเสียงสนับสนุน มาเกเลเล่ ก็ตาม เปเรซ วิจารณ์ถึงความสามารถของ มาเกเลเล่ ก่อนที่จะขายเขาให้ เชลซี

มาเกเลเล่ ช่วยให้ เรอัล มาดริด คว้า 6 แชมป์ ซึ่งรวมถึง ลาลีกา 2 สมัย และ แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย แต่เมื่อไร้ มาเกเลเล่ ราชันชุดขาวต้องดิ้นรนอย่างหนัก ในขณะที่ เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ติดต่อกันหลังจากเซ็นสัญญากับเขา 

4. เลือกที่จะปล่อยโอกาสเซ็นสัญญากับ ซามูเอล เอโต้

ในปี 2004 เรอัล มาดริด และ เรอัล มายอร์ก้า ได้ร่วมกันถือสิทธิ์ในสัญญาของ ซามูเอล เอโต้ หัวหอกชาวแคเมอรูนประสบความสำเร็จอย่างมากที่ มายอร์ก้า และกลายเป็นดาวซัลโวของสโมสรตลอด 5 ฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม เปเรซ มีความเห็นว่า เอโต้ ยังไม่ดีพอที่จะประสบความสำเร็จเหมือนกับ โรนัลโด้ นาซาริโอ และ ราอูล ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเจรจาข้อตกลงกับ มายอร์ก้า และ บาร์เซโลน่า ซึ่งสุดท้ายนักเตะก็ย้ายรวมถิ่น คัมป์ นู

เอโต้ กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของ บาร์เซโลน่า ในอีกไม่กี่ปีต่อมาและมีส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย และ ลาลีกา 3 สมัย

5. จัดตั้งยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก

เปเรซ นั่งเป็นประธานของ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก เขาแสดงความมั่นใจในการพูดคุยเกี่ยวกับโครงการนี้ว่าจะประสบความสำเร็จ แต่ในทางกลับกันมันได้สร้างความไม่พอใจอย่างหนักจากแฟน ๆ 

หลังจากกินเวลา 48 ชั่วโมงหลายสโมสรจาก 12 สโมสรผู้ก่อตั้ง นำโดย 6  สโมสรจากพรีเมียร์ลีกก็ตัดสินใจถอนตัวจากซูเปอร์ลีก หลังจากเกิดการประท้วงโดนแฟนบอลและคำวิจารณ์ที่ถาโถมอย่างหนัก

ตอนนี้โปรเจ็กต์ดังกล่าวถูกพับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งนี้จะยังคงเป็นรอยด่างของ เปเรซ ตลอดไปและอาจเป็นการตัดสินใจที่เอาแต่ใจและไม่เห็นด้วยมากที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา