เอริค เทน ฮาก จะเข้ามารับตำแหน่งกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยที่เขามีชื่อเสียงในด้านการทำฟุตบอลแบบเพรสซิ่งสูงและเน้นการครอบครองบอลซึ่งไม่เหมาะกับผู้เล่นบางคน
เทน ฮาก สร้างความประทับใจในการให้สัมภาษณ์ในเหล่าบรรดาแคนดิเดต ก่อนที่จะเซ็นสัญญาเป็นเวลา 3 ปี พ่วงด้วยอ็อปชั่นขยายได้อีก 1 ปี ว่าแต่ทำไมต้องเป็น เทน ฮาก ด้วยล่ะ? เขานำเสนออะไรบ้าง? แนวทางแท็คติกแบบไหนที่เขาจะใช้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด? และการแต่งตั้งของเขาจะส่งผลต่อเป้าหมายการเสริมทัพของสโมสรอย่างไร?
ในแง่ของรูปแบบการเล่น เทน ฮาก ใช้แผน 4-4-2 (กองกลางแบบไดมอนด์) ในช่วงปีแรก ๆ ของอาชีพโค้ชก่อนที่จะเปลี่ยนไปเล่นในระบบ 4-3-3 อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาชื่นชอบระบบ 4-2-3-1 ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะคุ้นเคยกับทีมปัจจุบันของยูไนเต็ด เนื่องจากเป็นระบบเดียวกับที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตเจ้านาย และ ราล์ฟ รังนิค ผู้จัดการทีมชั่วคราวตัดสินใจเช่นกัน
เทน ฮาก ชอบให้ทีมของเขาเล่นฟุตบอลที่กระฉับกระเฉงและเน้นการครอบครองเช่นเดียวกับของ รังนิค โดยมีผู้เล่นเพรสซิ่งจากแดนหน้า อย่างไรก็ตาม รังนิค ไม่สามารถใช้สไตล์นี้ได้อย่างเต็มที่ในช่วง 4 เดือนของเขาที่สโมสร โดยเฮดโค้ชชาวเยอรมันตั้งคำถามถึงระดับความฟิตทีมของเขา
แน่นอนว่าผู้เล่นไม่ได้ดูมีสภาพร่างกายที่สามารถเล่นในรูปแบบเพรสซิ่งแรงอย่างไม่หยุดยั้งที่ รังนิค ต้องการเป็นเวลาเต็ม 90 นาทีได้ ดังนั้นสำหรับแนวทางการทำงานที่เข้มข้นเช่นนี้ เทน ฮาก จึงต้องปรับปรุงระดับความฟิตของผู้เล่น และทำให้พวกเขาเล่นด้วยความมุ่งมั่นและแรงผลักดันที่มากขึ้น
พูดมันง่ายกว่าเสมอ เนื่องจากผู้เล่นบางคนไม่เห็นด้วยแนวทางการฝึกซ้อมของรังนิคและทีมผู้ฝึกสอนของเขา แต่ผู้เล่นเหล่านั้นจะไม่มีที่หลบซ่อนหาก เทน ฮาก เข้ามา ผู้เล่นที่เคยร่วมงานกับเฮดโค้ชชาวดัตช์มาก่อนรับรู้ดีถึงการวางแผนอย่างพิถีพิถันของเขาในแต่ละเซสชั่น
เทน ฮาก กระตือรือร้นในการวิเคราะห์วิดีโอและจะหยุดเซสชั่นซ้อมทันทีหากผู้เล่นยืนหลุดตำแหน่ง อย่างน้อยเขาจะได้รับกำลังใจจากข้อเท็จจริงที่ รังนิค ได้ชี้แจงกับบอร์ดบริหารแล้วว่า ยูไนเต็ด จำเป็นต้องเสริมทัพผู้เล่นจำนวนมากหากต้องเล่นด้วยสไตล์ที่มีความดุดันและความเข้มข้น
มีการเปิดเผยว่าสโมสรกำลังร่างรายชื่อผู้เล่นเป้าหมายสำหรับแต่ละตำแหน่งที่สำคัญ จากนั้นชื่อเหล่านี้จะถูกนำเสนอต่อผู้จัดการทีมคนใหม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจในการเซ็นสัญญากับผู้เล่น เชื่อกันว่า เทน ฮาก จะสามารถนำเสนอเป้าหมายของตัวเองต่อบอร์ดบริหารได้เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมสโมสรจึงกระตือรือร้นที่จะหาผู้จัดการทีมคนใหม่เข้ามาแทนที่ในไม่ช้า เพื่อที่จะเริ่มสร้างทีมสำหรับฤดูกาลหน้าโดยเร็วที่สุด แต่สมาชิกคนไหนในทีมปัจจุบันที่เหมาะกับสไตล์การเล่นของ เทน ฮาก บ้างล่ะ?
เฟร็ด, บรูโน่ แฟร์นานเดส, จาดอน ซานโช่ และ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ คือนักเตะที่มีสถิติเพรสซิ่งในทีมมากที่สุด ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาในการปรับตัว ปอล ป็อกบา ก็อยู่ในอันดับสูงเช่นกัน (ไม่น่าเชื่อแฮะ) แต่คาดว่าจะย้ายออกแบบฟรี ๆ อีกครั้งเมื่อสัญญาของเขาหมดลงในซัมเมอร์นี้
การเพรสซิ่งเป็นส่วนสำคัญของ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค เช่นกัน และเมื่อ เทน ฮาก เข้ารับตำแหน่งที่ยูไนเต็ด กองกลางชาวดัตช์ซึ่งปัจจุบันถูกปล่อยยืมตัวกับ เอฟเวอร์ตัน น่าจะมีอนาคต เนื่องจาก เทน ฮาก มีคู่มือใช้งานอยู่แล้ว
สมาชิกนักเตะที่มีอายุมาก ๆ ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นส่วนเกิน ฮวน มาต้า และ เอดินสัน คาวานี่ ต่างจะหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์และจะย้ายออกแน่นอน ขณะที่ เนมานย่า มาติช กองกลางวัย 33 ปี ยืนยันเองว่าจะย้ายออกจากทีมในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้
แต่สำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ล่ะ? เขาไม่ได้เพรสซิ่งในแบบที่ เทน ฮาก ต้องการ แต่เป็นดาวซัลโวของสโมสรในทุกรายการฤดูกาลนี้ ดังนั้นการตัดสินใจครั้งใหญ่จะต้องเกิดขึ้นว่ามันจะยังมีพื้นที่สำหรับซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีสในการเซตระบบทีมใหม่ได้หรือไม่?
นอกจากนี้ยังควรค่าแก่การจดจำว่ากองหน้าคนใหม่ควรอยู่ในลำดับต้น ๆ ของสโมสรในซัมเมอร์นี้ โดยที่ แฮร์รี่ เคน หัวหอกของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ผู้จัดการทีมคนต่อไปจะต้องเรียกหา มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งประสบปัญหาฟอร์มตกอย่างหนักในฤดูกาลนี้
ด้วยการที่ เทน ฮาก สามารถฟื้นคืนชีพอาชีพของ เซบาสเตียน อัลแลร์ ที่อาแจ็กซ์ได้ หลังจากเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ดังนั้นบางทีเขาอาจทำบางสิ่งที่คล้ายคลึงกันให้กับ แรชฟอร์ด
แน่นอนหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จของ อาแจ็กซ์ คือความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วในการเปลี่ยนจากเกมรับเป็นรุก แต่ ยูไนเต็ด ถูกขัดขวางในเรื่องนี้ด้วยแผงกองกลาง ด้วยเหตุนี้สโมสรจึงหวังที่จะเซ็นสัญญามิดฟิลด์ระดับโลกสำหรับฤดูกาลหน้า โดยที่ ดีแคลน ไรซ์ ของเวสต์แฮม เป็นตัวเลือกอันดับ 1
อย่างไรก็ตามการตกลงเซ็นสัญญากับ เวสต์แฮม ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยที่ผู้จัดการทีม เดวิด มอยส์ ยืนยันว่ามันจะต้องมีข้อเสนอไม่ต่ำกว่า 150 ล้านปอนด์ เพื่อโน้มน้าวให้พวกเขายอมเจรจาด้วย
ยูไนเต็ด ไม่น่าจะพร้อมยื่นด้วยข้อเสนอที่สูงเกินไป แต่พวกเขาจะต้องหากองกลางที่สามารถเชื่อมเกมได้หากพวกเขาต้องการลุ้นแชมป์อีกครั้ง นอกจากนี้มันยังมีปัญหาในเกมรับด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแนวทางของ เทน ฮาก ต้องการฟูลแบ็คตัวรุกที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจสร้างปัญหาให้กับ อารอน วาน-บิสซาก้า ที่มีปัญหาในเกมรุก
ลุค ชอว์ มีความสามารถในด้านเกมรุกมากกว่า แต่ฟอร์มของดาวเตะทีมชาติอังกฤษจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างมากหากเขาต้องการรักษาตำแหน่งตัวจริงไว้ในฤดูกาลหน้า
เทน ฮาก ยังต้องตัดสินใจเลือกคู่หูเซ็นเตอร์แบ็คสำหรับ ราฟาเอล วาราน ด้วยเช่นกัน โดยที่ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ และ เอริค ไบญี่ ทั้งคู่เล่นกับบอลได้ดีกว่ากัปตันทีม แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซึ่งผลงานของเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฤดูกาลนี้
แต่อย่าพลาดเรื่องนี้เช่นกัน มันอาจมีผู้เล่นซีเนียร์บางคนที่ต้องหลีกทางให้กับนักเตะดาวรุ่งเมื่อ เทน ฮาก เข้ารับตำแหน่ง ด้วยความตั้งใจของเขาที่เชื่อมั่นในแข้งอายุน้อย ซึ่งสอดคล้องกับประเพณีของ ยูไนเต็ด ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ว่าแต่เด็กคนไหนจะได้ประโยชน์ล่ะ? สำหรับตำแหน่งตัวจริง เจมส์ การ์เนอร์ ที่ทำผลงานโดดเด่นกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ระหว่างการยืมตัว และ แอนโธนี่ อีแลงก้า แสดงให้เห็นว่าเขาคู่ควรกับตำแหน่งในทีมชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ เทน ฮาก
มันมีนักเตะมากพรสวรรค์อีกมากมายในทีมยู-23 และทีมเยาวชนที่เข้ากับแท็คติกของ เทน ฮาก ได้อย่างลงตัว แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ยูไนเต็ด จำเป็นต้องมีการยกเครื่องทีมใหญ่