จาดอน ซานโช่ กำลังดิ้นรนเพื่อปรับตัวในทีมที่ไม่สมบูรณ์ ในลีกที่ไม่คุ้นเคย และได้ทำงานให้กับผู้จัดการทีมที่แตกต่างกัน 3 คนใน 5 เดือนในฐานะผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ ซานโช่ กำลังมีจิตใจที่ปั่นป่วน หลังย้ายด้วยค่าตัวสูงถึง 73 ล้านปอนด์ มันเป็นครึ่งฤดูกาลในอาชีพค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่ ซานโช่ มีทั้งขาขึ้นและขาลง แต่เป็นอย่างหลังมากกว่าเมื่อทำได้เพียงประตูเดียวเท่านั้นและไม่มีแอสซิสต์เลยจากการลงสนาม 17 นัดในพรีเมียร์ลีก
ซานโช่ เป็นผู้เล่นที่มีสัญชาตญาณ มีความเร็ว เลี้ยงบอลได้อย่างยอดเยี่ยม และไม่กลัวที่จะเลี้ยงบอล แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังเล่นด้วยแรงกดดันอย่างหนัก ยูไนเต็ด เฝ้าติดตาม ซานโช่ มาเป็นเวลา 18 เดือนแล้ว แต่ก็มีข้อสงสัยอยู่เสมอว่าเขาเป็นผู้ถูกเลือกที่สำคัญจริง ๆ หรือไม่ ในเมื่อแดนกลางของสโมสรขาดคุณภาพอย่างเห็นได้ชัด
และแม้ว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อาจเป็นเป้าหมายสำหรับการแอสซิสต์ของ ซานโช่ แต่ดูเหมือนว่าดาวเตะชาวอังกฤษจะดูสับสนเมื่อได้บอล โดยเฉพาะแผนการเล่นที่ไม่แน่นอนและผู้จัดการทีมที่หลายคน
ซานโช่ ได้รับการยกย่องสำหรับความกล้าหาญในการย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และมุ่งหน้าไปยัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตั้งแต่อายุ 17 ปี ในการลงเล่น 104 เกมในบุนเดสลีกา ซานโช่ ทำไปได้ 38 ประตูและ 45 แอสซิสต์
นอกจาก บาเยิร์น มิวนิค แล้ว คุณภาพของคู่แข่งในบุนเดสลีกายังอยู่ในขั้นตกต่ำ มันไม่เหมือนกับในพรีเมียร์ลีก สถิติของ ซานโช ในฟุตบอลเยอรมัน แม้ว่าจะดูน่าประทับใจ แต่ก็เทียบอะไรไม่ได้เมื่อเจอกับคู่แข่งที่ยากลำบากในอังกฤษ
แม้จะลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ในวัย 18 ปี แต่ ซานโช่ ก็ทำได้แค่ 3 ประตูจากการลงเล่น 23 นัดให้กับทีมชาติอังกฤษ โดย 2 ประตูในนั้นเกิดขึ้นในเกมพบกับทีมชาติโคโซโวในปี 2019 และเขาก็แทบไม่ได้สร้างอิมแพ็คอย่างที่ควรจะเป็น
ในช่วงศึกยูโร 2020 ซานโช่ อาจเป็นนักเตะกลุ่มน้อยในทีมที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่น มันเป็นเหตุผลที่ โลธ่าร์ มัทเธอุส พร่ำบ่นว่า ซานโช่ ควรถือสัญชาติเยอรมนีมากกว่าหากไม่ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างที่เป็นอยู่
ทว่า อังกฤษ เอาชนะ เยอรมนี ได้โดยไม่มีเขา ขณะที่การชนะ ยูเครน 4-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซานโช่ ยังคงอยู่บนม้านั่งสำรองจนถึงวินาทีสุดท้ายของรอบชิงชนะเลิศ จากนั้นเขาก็ถูกส่งลงไปเพื่อยิงจุดโทษซึ่งถูกเซฟโดย จานลุยจิ ดอนนารุมม่า
ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเป็นเวลาที่ทำให้ ซานโช่ เสียสมาธิ เมื่อการย้ายจาก ดอร์ทมุนด์ ไปยัง ยูไนเต็ด ได้ข้อสรุปในระหว่างการแข่งขัน โดยที่ เซาธ์เกต เลือกเขาติดทีมชาติอังกฤษในเดือนตุลาคม แม้จะยอมรับว่านักเตะอาจไม่สมควรได้รับเลือก แต่ ซานโช่ ก็ถูกหั่นชื่อจากช่วงพักเบรคทีมชาติครั้งล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน
ผู้เล่นในริมเส้นคนอื่น ๆ รวมถึง บูกาโย่ ซาก้า, ฟิล โฟเด้น และ แจ็ค กรีลิช กลายเป็นตัวเลือกก่อนหน้าเขาไปแล้วในทีมชาติอังกฤษ ซานโช่ เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ต้องดิ้นรนในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์
เขาเอ็นจอยกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดกับ ยูไนเต็ด ซึ่งรวมถึง 2 ประตูจาก 3 นัด ระหว่างการคุมทีมแบบสั้น ๆ ของ ไมเคิ่ล คาร์ริค โดยที่การเข้ามาของ ราล์ฟ รังนิค ดูเหมือนจะเป็นแรงผลักดันที่เป็นไปได้สำหรับ ซานโช่ ทว่าเขากลับดิ้นรนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยระบบ 4-2-2-2 ซึ่งมันไม่เหมาะกับจุดแข็งของเขา
ด้วยอายุเพียง 21 ปี และยังใหม่ต่อฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซานโช่ อาจต้องการเวลาในการปรับตัว แต่ยิ่งเขาใช้เวลานานเพื่อสร้างอิมแพ็คในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งสงสัยว่าการย้ายของเขาเป็นการย้ายที่ผิดเวลาสำหรับเขาหรือไม่